เช้า
ร้านหินอ่อน
เป็นร้านของฝากท้องถิ่นมีสินค้ามากมาย
หมู่บ้านกั๊มทาน
หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่เมืองฮอยอัน ซึ่งเอกลักษณ์เด่นของหมู่บ้านนนี้คือรอบๆ หมู่บ้านจะมีสวนมะพร้าวและมีแม่น้ำล้อมรอบ และคนในหหมู่บ้านจะประกอบอาชีพทําประมงเป็นหลัก ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งเรือกระด้ง ทำให้หมู่บ้านนี้เป็นที่รู้จักว่า หมู่บ้านเรือกระด้งนั่นเอง
เมืองโบราณฮอยอัน
เมืองมรดกโลกที่ยังคงเอกลักษณ์และรักษาวัฒนธรรมไว้อย่างดีเยี่ยม โดยท่านสามารถเดินเล่น ถ่ายรูป ตามตรอกซอกซอยต่างๆ ได้ ไฮท์ของการมาถ่ายรูปเช็คอินที่นี้คือการได้ขึ้นไปถ่ายรูปจากมุมสูงของคาเฟ่ที่อยู่ตามซอกซอย ได้ทั้งวิว ได้ทั้งชิมกาแฟรสชาติออริจินัลของเวียดนาม
วัดจีน
วัดจีน เป็นสมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอันใช้เป็นที่พบปะของคนหลายรุ่น วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่งานไม้แกะสลักลวดลายสวยงามท่าน สามารถทำบุญต่ออายุโดยพิธีสมัยโบราณ คือ การนำธูปที่ขดเป็นก้นหอย มาจุดทิ้งไว้เพื่อ เป็นสิริมงคลแก่ท่าน
บ้านโบราณ
Old House of Tan Sky บ้านโบราณ ซึ่งเป็นชื่อเจ้าของบ้านเดิมชาวเวียดนามที่มีฐานะดี ชมบ้านไม้ที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดของเมืองฮอยอัน สร้างมากว่า 200 ปี
สะพานญี่ปุ่น
สะพานแห่งมิตรไมตรี ที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชุมชนชาวญี่ปุ่น เป็นสะพานที่สร้างขึ้นข้ามคลองที่ในอดีต 400 ปีกว่าที่ผ่านมา มีชุมชนชาวญี่ปุ่นมาตั้งรกรากอยู่ และสร้างขึ้นท่ามกลางหมู่บ้านชาวจีนและญี่ปุ่น สะพานญี่ปุ่นแห่งเมืองฮอยอันนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1593 นับถึงวันนี้ก็มีอายุ 427 ปีเลยทีเดียวนับว่าเก่าแก่มาก เป็นสะพานที่สร้างด้วยวัสดุทั้งไม้และปูน แม้ผ่านกาลเวลามานานแต่ยังคงงดงามด้วยความมีเอกลักษณ์ จนเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ลักษณะเฉพาะของสะพานญี่ปุ่นเมืองฮอยอันแห่งนี้
ศาลกวนอูเวียดนาม
ซึ่งอยู่บนสะพาน ญี่ปุ่นและที่ฮอยอันชาวบ้านจะนำสินค้าต่าง ๆ ไว้ที่หน้าบ้าน เพื่อขายให้แก่นักท่องเที่ยว ท่านสามารถซื้อของที่ระลึก เป็นของฝากกลับบ้านได้อีกด้วย เช่น กระเป๋าโคมไฟ เป็นต้น
เที่ยง
เมืองเว้
เคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345–2488 มีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่มีอยู่ทั่วเมือง เมือง เว้ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง ริมฝั่งแม่น้ำหอม ในช่วงสงครามเวียดนาม เว้อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับอาณาเขตระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ โดยเว้อยู่ในอาณาเขตของเวียดนามใต้ ในปี พ.ศ. 2511 ตัวเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะโบราณสถานหลายแห่งที่ระดมยิงและถูก ระเบิดจากกองทัพอเมริกัน แม้หลังสงครามสงบลงแล้ว เหล่าโบราณสถานก็ยังไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากถูกกลุ่มผู้นำคอมมิวนิสต์และชาว เวียดนามบางส่วนมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของระบอบศักดินาในอดีต แต่หลังจากที่แนวคิดทางการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไป ก็เริ่มมีการบูรณะโบราณสถาน บางส่วนมาจนถึงปัจจุบัน
วัดเจดีย์เทียนมู
เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองของเวียดนาม วัดแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนานิกายเซน และมีจุดเด่นคือเจดีย์เทียนมู่ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเว้ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8เหลี่ยม สูงทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นเชื่อว่าเป็นตัวแทนชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้าโดยเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของวัดเจดีย์เทียนมู่คือ รถออสตินสีฟ้า ที่ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ภายในวัดแห่งนี้ โดยมีประวัติว่า พระภิกษุทิกกวางหยก วัย 73 ปี เจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ได้ใช้รถคันนี้เป็นพาหนะไปเผาตัวเองที่กลางกรุงไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์
ซิตี้ในปัจจุบันเพื่อเป็นการประท้วงรัฐบาลพระองค์
พระราชวังเว้
พระราชวังเว้ เว้เคยเป็นที่ตั้งเมืองหลวงของประเทศเวียดนามเมื่อราว 400 ปีมาแล้ว สมัยนั้นมีระบบการปกครองด้วยกษัตริย์ ต่อมาเมื่อเวียดนามถูกฝรั่งเศสยึดครองเมืองหลวงของเวียดนามแห่งนี้ก็ถูกเผาทำลายจนเป็นเมืองร้าง ต่อมาเมื่อเวียดนามรบกับอเมริกาพระราชวังแห่งนี้ก็ถูกทิ้งระเบิดทำลายอีกเนื่องจากถูกระบุว่าเป็นที่ซ่องสุมของคอมมิวนิสต์ ทว่าความรุ่งเรืองของพระราชวังโบราณแห่งนี้ก็ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง
นั่งรถสามล้อซิโคล
ชมเมืองเว้โดยรอบ